โรคผิวหนังเด็กยอดฮิต ในหน้าหนาว

หน้าหนาว โรคผิวหนังเด็ก ยอดฮิต และการดูแลผิวในหน้าหนาว

หน้าหนาว โรคผิวหนังเด็กยอดฮิต มีอะไรบ้าง

โรคผิวหนังเด็กยอดฮิต ในฤดูหนาว มีอะไรบ้าง

ในช่วงหน้าหนาว อากาศที่หนาวเย็น แห้งแล้ง มักตามมาด้วยผิวที่แห้ง ตึง ลอกเป็นขุย และยังกระตุ้นผื่นผิวหนังบางชนิดให้กำเริบขึ้นได้ โดยเฉพาะในเด็กที่ผิวยังบอบบางอยู่ มีโอกาสเกิดโรคผิวหนังขึ้นได้หลายชนิด โดยโรคผิวหนังเด็กที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ได้แก่ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง, โรคผิวหนังอักเสบ, และโรคตุ่มพุพอง

หน้าหนาว โรคผิวหนังเด็ก ที่พบได้บ่อย มีอะไรบ้าง

1.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคที่ผิวหนังมีการอักเสบเรื้อรัง จากปฏิกิริยาทางภูมิแพ้ภายในร่างกาย พบได้บ่อยในผู้ป่วยเด็ก แต่ก็สามารถพบในเด็กโต และผู้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน โดยผิวหนังมักจะมีลักษณะแห้ง ขึ้นผื่นแดง มีอาการคันมาก ผื่นเหล่ามีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกลายเป็นตุ่มหนอง และมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาได้ โดยในช่วงหน้าหนาวซึ่งมีอากาศเย็น และทำให้ผิวแห้ง มีโอกาสกระตุ้นให้โรคนี้มีอาการกำเริบขึ้นมา หรือโรคที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมากขึ้นได้

2.โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)

โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) คือภาวะการอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้น เป็นได้จากหลายสาเหตุ มักมาด้วยอาการผื่นคัน บวม หรือแดงตามผิวหนัง แต่ในบางรายอาจเกิดเป็นแผลพุพอง มีน้ำหนอง หรือตกสะเก็ดร่วมด้วย โดยภาวะผิวหนังอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคเซบเดิร์ม และโรคผื่นแพ้สัมผัส อย่างไรก็ตามภาวะนี้จะไม่ติดต่อสู่ผู้อื่น แต่อาจทำให้รู้สึกคันหรือระคายเคือง และเสียความมั่นใจเพราะลักษณะผิวหนังที่ผิดปกติได้

3.โรคตุ่มพุพอง (Impetigo)

โรคตุ่มพุพอง หรือแผลพุพอง (Impetigo) คือโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ในบริเวณชั้นตื้นๆของหนังกำพร้า พบผื่นชนิดนี้ได้บ่อยในเด็กและทารก สามารถกระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย จากการสัมผัสหรือเกาที่บริเวณแผล และสามารถแพร่กระจ่ายสู่คนอื่นได้จากการสัมผัส หรือใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว รวมถึงของเล่น มักพบผื่นชนิดนี้ที่บริเวณใบหน้า แขน และขา

โรคตุ่มพุพอง (Impetigo) ตุ่มแผลพุพอง ตุ่มหนองที่ขา

ตุ่มแผลพุพอง ตุ่มหนองที่ขา แอลซีคลินิก

การดูแลผิวเด็กในช่วงหน้าหนาว

1.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจัด

โดยทั่วไปในช่วงหน้าหนาว น้ำจะค่อนข้างเย็น เราจึงชอบอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เพราะทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย แต่รู้หรือไม่ว่า น้ำที่ร้อนนั้นจะชะล้างไขมันบนผิว ทำให้ผิวไม่สามารถเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้ ก่อให้เกิดปัญหาผิวแห้ง ผิวแตก และยังกระตุ้นให้โรคผิวหนังมีอาการแย่ลงอีกด้วย เพราะฉะนั้นการปรับอุณหภูมิน้ำให้พอเหมาะ เป็นอุณหภูมิกลางๆ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป ก็จะช่วยดูแลผิวในช่วงหน้าหนาวให้เราได้

2.ใช้สบู่เหลวเด็กอ่อนๆในการทำความสะอาดร่างกาย

โดยทั่วไปในช่วงหน้าหนาวผิวเด็กจะแห้งมากขึ้น ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือเป็นผิวหนังอักเสบได้ง่ายขึ้น จึงควรใช้สบู่เหลวเด็กอ่อนๆ ในการทำความสะอาดร่างกาย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเด็กแห้งมากขึ้น

3.ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำทุกวันหลังอาบน้ำ

ในช่วงหน้าหนาว หลังจากที่อาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งเสร็จแล้ว แนะนำให้รีบทาครีมบำรุงผิว เพราะการทาครีมบำรุงลงบนผิวที่กำลังหมาด จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ที่ผิว ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และลดการเกิดอาการผิวแพ้หรือผิวหนังอักเสบได้

4.สวมใส่เสื้อผ้าให้หนาเพียงพอเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับผิว

อากาศที่หนาวเย็น ทำให้ผิวแห้งและแตกได้ง่าย ดังนั้นการสวมใส่เสื้อผ้าให้หนาเพียงพอ เช่น เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ จะช่วยปกป้องผิวจากลมหนาว และให้ความอบอุ่นกับผิวอีกด้วย

5.หลีกเลี่ยงสารก่อการแพ้

ในช่วงหน้าหนาว มักจะทำให้ผิวมีอาการแพ้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคผื่นแพ้สัมผัส ภูมิแพ้ผิวหนัง และผิวหนังอักเสบ ดังนั้นจึงควรปกป้องผิวหนังของตนเองจากการสัมผัสสารที่จะก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้เป็นพิเศษ

6.หลีกเลี่ยงการถูหรือเกาบริเวณผื่นผิวหนัง

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการถูหรือเกา รวมถึงสวมใส่เสื้อผ้าปกปิด บริเวณที่มีอาการคันและเป็นผื่นผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้หรือผื่นผิวหนังกำเริบมากขึ้น

7.และสุดท้ายหากพบผื่นแดง คัน ผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า หน้าหนาวจะทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้มากขึ้น จึงทำให้โอกาสเกิดโรคผิวหนังพบได้มากขึ้น และในผู้ป่วยโรคผิวหนังบางชนิด จะไปกระตุ้นให้โรคกำเริบมากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นถ้าสังเกตุพบผื่นแดง คัน หรือผิวหนังผิดปกติไปจากเดิม ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องโดยเร็ว